รวมหนัง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ทุกภาค The Return of the King” สืบต่อเรื่องราวมหากาพย์ที่มีฉากอยู่ในอาณาจักรแฟนตาซีที่มิดเดิลเอิร์ธ ภาพยนตร์หัวข้อนี้เล่าต่อจากสถานะการณ์ในภาคก่อน โดยช่วงนี้ Fellowship of the Ring ได้ถูกแบ่งออกแล้ว โฟรโด แบ๊กกิ้นส์ (เอไลจาห์ วูด) และก็แซมไวส์ ปนจี (ฌอน แอสติน) เดินทางถัดไปที่เต็มไปด้วยอันตรายไปยังเมาท์มองมเพื่อทำลายแหวนวงเดียว แล้วก็คุ้มครองไม่ให้ลอร์ดที่ศาสตร์มืดเซารอนรู้สึกตัวพลังของเขากลับมา
ในตอนที่โฟรโดรวมทั้งแซมใกล้จุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้น สหายๆรวมทั้งผู้ส่งเสริมก็ตระเตรียมสำหรับเพื่อการประจันหน้าคราวสุดท้ายกับพลังที่ความมืดดำ อารากอร์น (วิกโก้เก๋ มอร์เทนเซน), เลโกลัส (ออร์แลนโด บลูม), กิมลี (จอห์น รีส-เดวีส์) รวมทั้งแกนดัล์ฟ (เหม็นเบื่อ แม็คเคลเลน) ระดมพลชาวมิดเดิลเอิร์ธเพื่อต่อสู้กับกองทัพของเซารอนคราวสุดท้าย ในเวลาเดียวกัน กอลลัม (แอนดี้ เซอร์คิส) ยังคงสั่งการจิตใจของโฟรโดถัดไปเพื่ออุตสาหะทวงคืนแหวนอันล้ำค่าคืนมาภาพยนตร์ฉบับขยายนี้มีฉากเพิ่มเติมอีกที่ปรับปรุงความเชื่อมโยงของนักแสดง ขยายตำนานของมิดเดิลเอิร์ธ และก็เพิ่มความลึกทางอารมณ์ของเรื่องราว
ดูหนังออนไลน์ รวมหนัง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ทุกภาค
เล่าราวของอาณาจักรอันสุขสงบบนขอบกาแลคซีถูกรุกรามโดยกองทัพเผด็จการ คอร่า หญิงสาวไม่คุ้นหน้าลึกลับ เปลี่ยนเป็นความคาดหมายที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับเพื่อการเอาชีวิตรอดของทุกคนในหมู่บ้าน คุณได้รับมอบหมายให้ออกค้นหานักสู้ที่ได้รับการฝึกซ้อม เพื่อรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับคุณสำหรับเพื่อการยืนหยัดต่อสู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ของโลกแม่ (Mother World)
โดยคุณเก็บรวบรวมนักสู้กรุ๊ปเล็กๆจากคนที่เป็นคนต่างเมือง ผู้สร้างความปั่นป่วน กสิกร รวมทั้งลูกกำพร้าจากการทำศึกจากโลกต่างๆที่มีความต้องการด้วยกันสำหรับเพื่อการกู้แล้วก็ล้างแค้น เมื่อเงาของดินแดนทั้งปวงทาบทับลงบนพระจันทร์อย่างไม่น่าเป็นได้ การต่อสู้เพื่อชะตาชีวิตของกาแล็กซีดำเนินไป รวมทั้งการต่อสู้นี้ทำให้กองทัพวีรบุรุษชุดใหม่ก่อตัวขึ้น
หนังประเด็นนี้นับว่าเป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่และก็ทุนสร้างคงจะหนามากๆอีกทีของ แซ็ค สไนเดอร์ ที่เขารับหน้าที่ดูแลในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะดูแลหนัง ร่างพล็อตเรื่อง ร่วมเขียนบทหนัง รวมทั้งอำนวยการสร้างกับเมียของเขา ทำให้นี่ก็เลยได้ผลงานที่ยัดเยียดข้อหาเป็นตัวของเขาเองเอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ขอเพียงแค่มีสตูดิโอหนังที่ให้พื้นที่เขาได้ละเลงงานสร้างอย่างอิสระเพียงแค่นั้นก็พอเพียง
แน่ๆว่า Rebel Moon: A Child of Fire มีกลิ่นความเป็นมหากาพย์ไซไฟแบบจัดจ้า รวมหนัง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ทุกภาค มาในโทนรวมทั้งสไตล์ลักษณะเดียวกันกับพวกหนัง Star Wars อะไรทำนองนั้นเลย เพียงแค่มันเป็นการตรวจอวกาศแล้วก็โลกใหม่ๆที่คอยให้ผู้ชมได้ออกไปเผชิญภัยด้วย ทางด้านงานสร้างนับว่าทำเป็นดีแทบทุกเม็ด งานละเอียด งานวางแบบยังมีลายเส้นความเป็นสไนเดอร์อยู่เยอะไปหมด แต่
ในในที่สุด Rebel Moon: A Child of Fire ได้เปลี่ยนเป็นเพียงแค่ลิเกโรงใหญ่แบบอย่างของแซ็ค สไนเดอร์ ที่เสมือนสร้างออกมาทำให้ตามที่ต้องการส่วนตัวของเขาแค่นั้นล่ะ เขาจะทราบไหมว่าสไตล์แนวทางการทำหนังของเขาที่ไม่ปรับปรุงขึ้นเลย มันแทบไม่เวิร์กกับการถือมาใช้สำหรับเพื่อการร้อยเรียงหนังในขณะนี้อีกแล้ว ทำให้ทุกๆส่วนของ Rebel Moon หัวข้อนี้เต็มไปด้วยความเชย ความจำเจ แล้วก็ความอุตสาหะให้มองยิ่งใหญ่
ถ้าว่าคุณเป็นแฟนหนังของแช็ค สไนเดอร์ แน่ๆเลยว่าลายเซ็นชัดแจ้งของเขาก็คือ ‘แอคชั่นแบบสโลโมชัน’ แล้วเขาก็ยังคงท่าทางนี้เข้ามาในหนังประเด็นนี้อยู่เรื่อยซึ่งมันแปลงเป็นส่วนประกอบที่ชักชวนสอดแทรกแล้วก็อารมณ์ของหนังไปอย่างโชคร้าย การเน้นฉากด้วยการดึงให้สโลโมชันลงไป เป็นวิธีที่ออกจะโบราณไปแล้ว สวนกับแนวทางการผลิตหนังในยุคนี้ที่ย้ำความกระชับ
Chicken Run: Dawn of the Nugget
Chicken Run: Dawn of the Nugget เล่าราวภายหลังที่หลบซ่อนออกมาจากฟาร์มไก่สุดหฤโหดในคราวนี้ จินพบร์ กับ ร็อกกี้ และก็พวกเครือญาติไก่ได้ย้ายถิ่นแล้วก็แยกตัวดำรงชีวิตเฉยๆอยู่บนเกาะกึ่งกลางน้ำที่แสนสงบ แม้กระนั้นเมื่อให้กำเนิด มอลลี บุตรสาวที่ใฝ่ฝันต้องการเจอกับอิสระ ภาพจำในอดีตกาลกลับมาราวกับเดจาวูอีกรอบ เมื่อพวกเขาจะต้องเจอหน้ากับโรงงานผลิตนักเก็ตไก่ที่กำลังรุกรามแล้วก็ดัดแปลงชีวิตไก่ตัวเป็นๆ
อาร์ดแมน แอนิเมชัน ยังคงเสน่ห์การผลิตหนังสไตล์สต็อปโมชันจากดินน้ำมันปั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาอีกที แต่ว่ามูลเหตุที่การผลิตหนังสไตล์นี้นานๆหนจะทำออกมาสักหนึ่งครั้ง เนื่องจากว่าวัตถุการปั้นนับวันยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่าเดิม สำหรับภาคต่อประเด็นนี้ถึงจะเป็นส่วนประกอบเรื่องราวต่อจากเดิม แต่ว่าคณะทำงานผู้ผลิตส่วนมากก็แปรไปแทบหมด เนื่องจากว่าวันในช่วงเวลาที่ผ่านไปนานแล้วนั่นเอง
แซม เฟล” จากหนังแอนิเมชัน ParaNorman มารับหน้าที่ดูแลงานสร้างภาพยนตร์ประเด็นนี้แทน แน่ๆว่าเขามีประสบการณ์สร้างภาพยนตร์แอนิเมชันสไตล์สต็อปโมชันมาก่อนแล้วอยู่หลายเรื่อง ฉะนั้นเมื่อมาจับงานแต่งเรื่องนี้ก็เลยไม่ใช่เรื่องยาก เขาทำหนังออกมาให้กับช่วงก้าวหน้า ในเวลาเดียวกันก็ยังคงเอกลักษณ์แล้วก็เสน่ห์ความเป็น Chicken Run ต้นฉบับเอาไว้ได้ออกจะเหมาะเหม็ง
ดังนี้ Chicken Run: Dawn of the Nugget ยังคงได้ “แคปรี่ เคิร์กแพทริก” กับ “จอห์น โอ’ฟาร์เรลล์” ผู้เขียนจากหนังต้นฉบับกลับมาร่วมกลุ่มอีกรอบ ร่วมด้วยสาวผู้เขียนบทแบบใหม่ “เรเชล ทันท้องนาร์ด” ที่มาช่วยปลุกปั้นเรื่องราวความสนุกสนานร่าเริงอีกรอบ ถึงโดยภาพรวมแล้ว บทหนังจะยังมิได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่ หนังยังคงใช้สูตรสำเร็จแบบเก่าๆที่แต่งความตลกขบขันเจริญเพราะว่ามุกขบขันสไตล์บริติชที่รู้จักนั่นเอง
ส่วนที่จะต้องชื่นชอบจริงๆใน Chicken Run: Dawn of the Nugget ก็คงเป็นส่วนประกอบการผลิต ด้วยเหตุว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของหนังจริงๆรวมทั้งยังทำส่วนนี้ออกมาได้อย่างน่าประทับใจอีกที ด้วยการใช้แนวทางพิเศษในปัจจุบันแต่งและก็ปรับแต่งอัปเกรดเวอร์ชั่นให้กับหนังได้มีชีวิตชีวาผ่องใสเพิ่มขึ้น มองเป็นหนังแอนิเมชันที่ถูกตกแต่งให้มีชีวิตชีวิตขึ้นอีกรอบ แม้ว่าจะอดเสียดายที่หนังแนวทางอย่างงี้คงนานๆครั้งได้เห็นที แต่ว่าก็เป็นหนังซึ่งสามารถมาคลายความระลึกถึงได้อย่างดีเยี่ยม
The Family Plan
The Family Plan กล่าวถึงชีวิตของ ดินแดน พ่อบ้านปกติที่ดำเนินชีวิตแสนเรียบง่ายอยู่ในบริเวณปริมณฑลของเมืองนิวยอร์ก แต่ว่าเมื่ออดีตกาลอันแสนทารุณโหดร้ายของเขาย้อนกลับมาเอาคืนอีกที ทำให้เขาต้องหาแนวทางที่จะคุ้มครองครอบครัวที่เขารักที่สุด โดยที่พวกเขาก็ไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับอดีตกาลอันลึกลับของผู้นำครอบครัว ที่กาลครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมือสังหารนิรนามตัวท็อปของแวดวง!
เอาจริงเอาจังๆมันก็เป็นหนังที่มองได้เพลิดเพลินดี รวมหนัง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ทุกภาค ในทางการหาคอนเทนท์สนุกสนานทั่วๆไป หนังก็ยังเต็มไปด้วยอิริยาบถที่สร้างความเอ็นหน้าจอยให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าถ้าเกิดเป็นในทางวิภาควิจารณ์หนังอย่างไม่อ้อมค้อมแล้วละก็ มันบางครั้งอาจจะไม่ใช่การเสพสุขที่ดีสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่า The Family Plan ก็ยังดำเนินสะกดรอยหนังแอคชันครอบห้องครัวที่มีมาตลอดในตอน 20-30 ปีให้หลัง ทุกจุดรวมทั้งทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบสำเร็จรูปแบบจับวางเอาไว้
โดยหนังได้ผู้กำกับจากแวดวงโทรทัศน์ “ไซมอน เคแลน โจนส์” มารับหน้าที่ดูแลหนังประเด็นนี้ เพราะฉะนั้นสเกลงานสร้างของหนังหัวข้อนี้มันก็จะออกมาใสๆกระจายๆแบบตามสไตล์หนังที่สร้างออกมาจากทางโทรทัศน์ราวนั้น ส่วนประกอบงานสร้างมิได้มีอะไรที่แปลกใหม่ใดๆก็ตามก็ราวหนังครอบครัวกลิ่นดิสนีย์นิดๆแม้กระนั้นก็มิได้ใสเด่นชัดเหลือเกิน แม้กระนั้นก็ยังคงในเรตที่เด็กมองได้คนแก่มองเพลิดเพลินอยู่
บทหนังได้ “เดวิด ค็อกเกอาลล์” จาก Orphan: First Kill มาปั้นเรื่องราวให้ แน่ๆว่าประสิทธิภาพของบทหนังก็น่าจะมิได้เพอร์เฟ็คอะไรนัก ถ้าเกิดมองผลงานก่อนๆของนักประพันธ์รายนี้ก็จะทราบว่าเขาเขียนบทหนังในสไตล์ที่ค่อนข้างจะเซฟโซนและไม่ค่อยสร้างความแปลกใหม่ออกมาให้กับผู้ชมสักเท่าไหร่ สิ่งเดียวกัน The Family Plan ก็จัดไว้อยู่ในหมวดพื้นที่ปลอดภัย หนังไม่ค่อยเดินออกนอกกรอบสักเท่าไหร่
Your Christmas or Mine 2
Your Christmas or Mine 2 เล่าราวตลอดจากภาคก่อน เมื่อ เจมส์ กับ เฮย์ลี kammi-jepang ได้ชูครอบครัวไปพักช่วงปลายปีที่สกีอพาร์เม้นท์หรูหราในแนวเขาแอลป์ แต่ว่าเพราะว่าความบกพร่องของการบุ๊กกิ้งบ้านพักโดยบิดาของเฮย์ลี ทำให้อีกทั้ง 2 ครอบครัวไปโผล่อยู่ที่จุดหมายแตกต่างกันคนละที่ เปลี่ยนเป็นการสับเปลี่ยนวันคริสต์มาสของพวกเขาอีกรอบ ทำให้ เจมส์ กับ เฮย์ลี จำเป็นต้องประจันหน้ากับบทดสอบความเกี่ยวพันอีกรอบ ท่ามกลางสายตาของคนภายในครอบครัว
โดยในหนังภาคนี้ก็ยังคงได้โอกาสมผู้ผลิตชุดเดิม ไม่ว่าจะเป็น “จิม โอ’ฮานลอน” ที่กลับมารับหน้าที่ควบคุมหนังอีกที จากบทหนังของ “ทอม แพร์รี” ที่เอาจริงเอาจังๆถ้าจะว่ากันตามจริง เมื่อครั้งใน Your Christmas or Mine? เมื่อปีก่อน ก็เป็นหนังรอมคอมกลิ่นเทศกาลที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จที่พวกเราบางครั้งอาจจะยังรู้สึกเฉยๆเป็นเสียส่วนมาก หนังบางครั้งก็อาจจะน่ารักน่าเอ็นดูดีแต่ก็ยังไม่มีอะไรให้น่าจำ เอาจริงเอาจังๆก็เกือบจะจำไม่ได้แล้วด้วยว่าภาคแรกคืออะไร
พอเพียงมาถึง Your Christmas or Mine 2 ก็ยังมากับแพ็กสูตรสำเร็จแบบเคยชินอาทิเช่นเดิม มันเป็นหนังที่มีพล็อตตามตลาดทั่วๆไป เป็นหนังที่มองง่ายแล้วก็ย่อยได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนกัน ราวกับเป็นหนังที่ควรมีไว้สำหรับในตอนเทศกาลวันหยุดสิ้นปีอะไรอย่างงี้ ขนาดรวมทั้งประสิทธิภาพของหนังก็ยังรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้เจริญ มีกลิ่นความเป็นหนังฉายโรงได้นิดๆแม้กระนั้นส่วนมากก็เหมาะสมกับการเป็นหนังหน้าจอเล็กมากยิ่งกว่า
บทหนังก็เกือบจะไม่มีอะไรออกนอกกรอบเลย Your Christmas or Mine 2 ที่เป็นการถือเอาสูตรเดิมจากภาคแรกมาเขย่าออกมาเป็นราวกับป็อปคอร์นรสชาติอื่นที่มิได้เป็นรสแปลกใหม่อะไร จังหวะต่างๆในหนังเกือบจะมิได้เกินความหวัง มันเป็นการจับวางเอาไว้แบบลงล็อกเป๊ะๆซ้ำยังเต็มไปด้วยมุกเสียดสีสำเนียงรวมทั้งความเป็นเขตแดนของแต่ละถิ่น ที่เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเชยพอได้เลยจ๊าในยุคนี้
